เมขลา-รามสูร




                              เมขลา-รามสูร

Image result for วรรณคดีก่อนนอนเมขลารามสูร
ณ สวรรค์ชั้นฟ้าอันเป็นที่สถิตของเหล่าเทพยาดาและบรรดานางฟ้าทั้งหลาย ครั้นถึงวสันตฤดูเหล่าทวยเทพต่างร่วมกันจัดงานนักขัตฤกษ์มีการละเล่นเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ในครั้งนั้นนางฟ้าองค์หนึ่งนามว่า เมขลา สถิตอยู่ ณ วิมานรัตนะ มีหน้าที่คอยพิทักษ์รักษาสมุทรไท นางมีดวงแก้ววิเศษดวงหนึ่งซึ่งได้รับการประทานมาจากพระนารายณ์ทำให้มีอิทธิฤทธิ์ เมื่อเหาะไปแห่งหนใดเมขลาก็ถือดวงแก้ววิเศษนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ
ขณะที่นางเมขลาเหาะออกจากวิมานเพื่อไปร่วมงานนักขัตฤกษ์ บังเอิญเจ้ายักษ์รามสูรได้เห็นแสงแวววาวของดวงแก้ววิเศษก็นึกอยากได้รีบเหาะติดตามหมายจะชิงมาเป็นของตน ส่วนนางเมขลาเห็นว่าจอมอสูรผู้นี้เป็นยักษ์ชั้นเลวที่เที่ยวเกะกะระรานไปทั่วทั้งแดนสวรรค์และใต้บาดาล เหล่าเทพเทวาทั้งหลายต่างเกลียดและกลัวไม่อยากจะตอแยด้วย เพราะเจ้ายักษ์รามสูรนี้มีขวานวิเศษอยู่ด้ามหนึ่งทำให้ไม่มีใครสู้ฤทธิ์ได้ นางเมขลาจึงคิดที่จะยั่วโทสะจอมมาร

นางเมขลาถือดวงแก้วล่อหลอกเหาะหนี ฝ่ายรามสูรก็ควงขวานเพชรไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ พอได้ระยะจอมอสูรหมายจะขว้างขวานในมือใส่ พลันแสงประกายจากดวงแก้วก็ส่องสะท้อนแวมวับออกมา รามสูรตกใจขวานจึงพลาดเป้าแล่นแฉลบไปตามหมู่เมฆในท้องฟ้า บางครั้งก็ลงมาถึงพื้นดินเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ขณะนั้น พระอรชุน ผู้เป็นใหญ่เหาะผ่านมาพอดี เจ้ายักษ์รามสูรกำลังโมโหจึงตวาดใส่พระอรชุนที่เหาะมาขวางหน้า ในที่สุดก็เกิดการรบกันด้วยฤทธิ์ รามสูรขว้างขวานโถมเข้าฟาดฟันใส่ทันที พระอรชุนจึงตอบโต้ด้วยพระขรรค์ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ต่างก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จนในที่สุดพระอรชุนก็พลาดถูกจอมอสูรจับขาฟาดกับเขาพระสุเมรุจนสิ้นชีพ และผลการรบในครั้งนั้นถึงกับทำให้เขาพระสุเมรุเอียงทรุด
ร้อนถึงเหล่าเทพยดาทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาฤาษีชีไพร ครุฑ นาค คนธรรพ์ ต้องมาทำพิธีชะลอเขาพระสุเมรุให้กลับตั้งตรงดังเดิมโดยใช้พญานาคพันรอบเขาไว้แทนเชือกแล้วช่วยกันออกแรงดึง ซึ่งพระอินทร์ทำหน้าที่เป่าสังข์ให้อาณัติสัญญาณ
เหตุการณ์ในเรื่องนางเมขลารามสูรนี้ เป็นเกร็ดตอนหนึ่งจากรามเกียรติ์ ซึ่งก็คือตำนานที่มาปรากฏการณ์ธรรมชาติอันได้แก่ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่านั่นเอง คนสมัยโบราณเชื่อกันว่าสายฟ้าคือประกายแสงจากขวานของรามสูร ซึ่งหากฟ้าผ่าลงมายังพื้นดินถูกต้นไม้ก็จะทำให้หักโค่นจนเกิดไฟลุกไหม้
บางตำรากล่าวว่าเมขลาเป็นนางฟ้าผู้เป็นนางบำเรอของพระอิศวร ซึ่งพระบิดาของนางเองเป็นผู้นำมาถวายพร้อมกับดวงแก้ว วันหนึ่งนางเมขลาได้ทูลถามต่อพระอิศวรว่าเพราะเหตุใดนางจึงต้องมีเวรเข้าเฝ้า จึงได้รับคำตอบว่านางนั้นเหนือกว่านางฟ้าทั่วไปเพราะเป็นรองพระอุมาและมีหน้าที่ดูแลดวงแก้ว อยู่มาวันหนึ่งนางเมขลาเกิดไม่พอใจในฐานะความเป็นอยู่ของตน จึงลักดวงแก้วของพระอิศวรแล้วเหาะไปเที่ยวเล่น เนื่องจากมีดวงแก้ววิเศษ เหล่าเทพเทวาทั้งหลายจึงไม่อาจจับตัวได้
กล่าวถึงเจ้ายักษ์รามสูรผู้เป็นสหายกับฝนและกินลมเป็นอาหาร อสูรผู้นี้มีขวานเพชรเป็นอาวุธและเป็นมิตรกับพระราหู วันหนึ่งรามสูรได้รับการไหว้วานจากพระราหูให้ช่วยไปชิงดวงแก้วและจับนางเมขลา เพื่อพระราหูจะได้นำไปถวายพระอิศวรอีกต่อหนึ่งเป็นการไถ่โทษในความผิดของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแปลงตัวเป็นเทวดาแอบไปกินน้ำอมฤตเมื่อคราวเหล่าเทพและอสูรช่วยกันกวนเกษียรสมุทร แต่ด้วยอำนาจแสงที่ส่องออกมาจากดวงแก้ว รามสูรจึงไม่สามารถขว้างขวานถูกนางได้แม้แต่ครั้งเดียว
… ดังนั้นเมื่อนางเมขลากับรามสูรพบกันเมื่อไหร่ ก็จะเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ตราบถึงทุกวันนี้…ไทยเราคิดเห็นไปว่าเมื่อเวลาฟ้าแลบฟ้าร้องนั้น ก็คือเวลาเมขลาล่อแก้วและรามสูรขว้างขวานนี่เอง แสงแก้วคือแสงฟ้าแลบ เสียงขวานคือฟ้าร้อง
9คำที่พ่อสอน
1.ความเพียร  เมขลาไม่ย่อท้อกับความยากลำบาก
2ความพอดี  รามสูรไม่เป็นคนอย่ากได้อยากมีจนเกินไป
3ความรู้ตน  เมขลาเป็นคนรู้ตนว่าตนต้องทำอะไร
4คนเราจะต้องรับเเละจะต้องให้  เมขลาเป็นผู้ชอบเเบ่งปันของให้กับเทวดา
5อ่อนโยนเเต่ไม่ออ่นเเอ  เมขลาเสียสละตนเองเพื่อพ่อเเม่
6พูดจริงทำจริง  รามสูรสันยากับราหูว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
7หนังสือเป็นออมสิน  หนังสือเล่มนี้รวมความเชื่อเกี้ยวกับฟ้าผ้า
8ความซื่อสัตร์  เมขลาเป็นคนซื่อสัตว์ต่อพระอินทร์
9การเอาชนะใจตนเอง  เมขลาเป็นคนกล้าที่จะขอพระอินทร์ในการดูเเลท่องทะเล












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น